วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
เทพีอาร์เทมีส (Artemis) เทพีแห่งจันทรา
อาร์เทมิส จันทราเทพีแห่งกรีก
ก่อนหน้านี้ได้พูดถึงเทพอะพอลโล ผู้เป็นสุริยเทพหน้าตาดีกันไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องขอพูดถึงเทพีอาร์เทมิสผู้งดงามและสง่างามไม่แพ้กับเทพอะพอลโลผู้เป็นพระเชษฐากันบ้าง ทั้งสองพระองค์ถือเป็นพี่น้องฝาแฝดชายหนุ่มของกันและกัน ซึ่งโด่งดังมากที่สุดเลยทีเดียว เทพีอาร์เทมิสถือเป็นพระธิดาของเทพซีอุสและเทพีแลโตนา ซึ่งชีวิตของพระองค์ในครั้งที่เป็นเด็กนั้นไม่ได้ราบรื่นเสียเท่าไร ตามที่เคยได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนของ เทพอะพอลโล สุริยเทพแห่งกรีก
เทพีอาร์เทมิส ถือเป็นจันทราเทพีผู้ปกครองช่วงเวลาในตอนกลางคืน และถือเป็นเทพีผู้มอบแสงสว่างให้แก่รัตติกาลอีกด้วย ในขณะเดียวกัน พระเทพีก็ยังมีแนวทางที่แตกต่างจากเทพีองค์อื่นๆ โดยเทพีอาร์เทมิสจะมีลักษณะออกแนวบู้ๆ รักการล่าสัตว์ พระองค์จะมีอาวุธคู่กายเป็นคันธนูและลูกศรติดตัวเอาไว้อยู่เสมอ พระองค์จึงมักถูกนับถือในนามของเทพีผู้คุ้มครองสัตว์ป่าเสียมากกว่า หากมีผู้ใดที่เข้าไปในเขตป่าของพระองค์โดยไม่ได้รับการยินยอม และเข้ามาทำร้ายหรือจับสัตว์ีป่าที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตของพระองค์แล้ว หากพระเทพีทราบเข้าก็จะทำการสังหารบุคคลผู้นั้นจนตายด้วยลูกธนู
เทพีอาร์เทมิสถือเป็นเทพีที่ดำรงอยู่ในพรหมจรรย์ตามรอยเทพีเฮสเทียและเทพีอธีน่า เนื่องจากพระองค์เห็นมาก่อนว่า เทพีแลโตนาผู้เป็นมารดาจะอดทนอยู่กับความทุกข์มากมายเพียงใด ซึ่งเธอนั้นต้องฝันฝ่าอุปสรรคความรักที่ลิขิตให้มาเป็นพระชายาเทพซีอุสโดยมีเทพีเฮร่าตามรังควาญ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระเทพีกลัวความจริงในการออกเรือน และให้สัญญาว่าจะไม่ขอมีครอบครัว อีกทั้งยังขอรักษาพรหมจรรย์ที่มีเอาไว้ยิ่งชีพ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีตำนานบางเรื่องที่กล่าวถึงพระเทพีผู้นี้ว่าเคยไปหลงรักกับบุรุษรูปงาม 2 คน ที่มีนามว่า ไอโอออน กับ เอนดิเมียน แต่เรื่องราวของตำนานเหล่านี้ก็มักจะจบท้ายแบบไม่ดีเสียทุกครั้ง ทำให้สามารถบอกได้เลยว่า ความรักของเทพผู้นี้เป็นความรักที่น่าสงสารและไม่ค่อยจะสมหวังเสียเท่าไร
ตามคำบอกเล่าว่ากันว่า เทพีอาร์เทมิสมีรูปกายงดงาม เป็นที่น่าเคารพ และถือเป็นเทพีแห่งแสงจันทร์ แต่ก็ยังพบว่าบางตำนานมีการกล่าวถึงเทพีอาร์เทมิสในอีกรูปแบบ ว่าพระองค์นั้นมีความโหดเหี้ยมอำมหิตไม่เหมือนเทพีองค์อื่นๆ ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
กล่าวถึงตำนานของนายพราน “แอคเตียน” ที่บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในป่าต้องห้าม เขาผู้นี้น่าสงสารเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถหาทางออกได้ ซึ่งบริเวณที่หลงทางถือเป็นเขตอาณาเขตของเทพีอาร์เทมิส เขาผู้นี้บังเอิญไปเจอเทพีอาร์เทมิสที่กำลังออกมาอาบน้ำเข้า เทพีอาร์เทมิสอาบน้ำอย่างสบายใน โดยมีนางไม้หลายต่อหลายตนค่อยดูแลอยู่ไม่ห่าง ด้วยความงามของเทพีอาร์เทมิส ที่มีผิวขาวนวลเหมือนแสงจันทร์ เส้นผมเปล่งประกายคล้ายทองคำที่ถูกส่องด้วยแสงอาทิตย์ ทำให้นายพรานหนุ่ม แอบดูอยู่ในพุ่มไม้บริเวณใกล้ๆนั้นแบบไม่วางตา แม้จะรู้สึกเกรงกลัวในฤทธิ์เดชของเทพีองค์นี้อยู่ไม่น้อย โชคร้ายที่พระเทพีก็ได้เหลือบไปเห็นแสงประกายแสนแปลกประหลาดที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ จึงรู้สึกผิดสังเกตและรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบดูพระองค์อยู่ พระเทพีเทพีอาร์เทมิสรู้สึกพิโรธเป็นอย่างมากที่ถูกแอบถ้ำมอง เมื่อนายพรานรู้ตัวว่าพระเทพีจับได้ว่าตนแอบกระทำการมิชอบ ก็คิดจะหนี แต่ว่าพระเทพีเทพีอาร์เทมิสก็ได้ใช้มือตักน้ำขึ้นมาสาดไปถูกนายพรานหนุ่มอย่างเจ็มแรง ซึ่งเมื่อนายพรานโดนน้ำก็กลายร่างไปเป็นกวางป่าไป นายพรานในร่างของกวางพยายามวิ่งหนีอย่างสุดกำลังเพื่อหวังจะออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่บังเอิญได้ไปพบกับสุนัขล่าเนื้อของตนเข้า แต่สุนัขตัวนี้ออกตามไล่กัดนายพรานผู้เป็นเจ้าของเพราะไม่รู้ว่ากวางตัวนี้คือนายของตนเอง และสุดท้ายนายพรานหนุ่มก็ต้องเสียชีวิตลงเนื่องจากถูกสุนัขล่าเนื้อของตนสังหารอย่างน่าสังเวช
เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อครั้งต่อมาได้กล่าวถึงชายหนุ่มที่มีชื่อว่า “แอดมีทัส” เขาผู้นี้เป็นสาวกที่มีหน้าที่ในการถวายเครื่องสักการะแด่องค์เทพีอาร์เทมิส แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาได้ไปพบรักกับสาวงามคนหนึ่งและตัดสินใจขอเธอเป็นภรรยา ซึ่งตัวเธอนั้นก็ตบปากรับคำที่จะเป็นภรรยาของเขาอย่างดี ซึ่งทำให้เขารู้สึกปลื้มปิติและยุ่งวุ่นวายกับการจัดงานมงคลสมรสของตนเป็นอย่างมาก ในที่สุด เขาก็หลงลืมหน้าที่ของตน ที่จะต้องทำการถวายเครื่องสักการะแด่พระเทพี เมื่อความครั้งนี้ทราบถึงหูพระเทพีว่าแอดมีทีสหลงลืมหน้าที่ของตนเอง พระองค์ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก และได้ลงฌดทษด้วยการเสกให้ห้องหอที่แอดมีทีสจะแต่งงานกับเจ้าสาวของเขานั้น เต็มไปด้วยงูพิษมากมายนับไม่ถ้วน
เรื่องเล่าต่อมากล่าวถึงพระราชาที่มีชื่อว่า “ท้าวโอนีอัส” ผู้ครองเมืองคาลีดอน พระราชาผู้นี้เกิดลืมที่จะถวายเครื่อสักการะแด่พระเทพีเช่นกัน ซึ่งก็มีผลให้พระเทพีเกิดอาการกริ้วเช่นเดิม และทรงบันดาลให้วัวป่าบ้าคลั่งพุ่งเข้าทำลายเมืองคาลีดอนของพระราชาผู้นี้เสีย อีกทั้งวัวป่าตัวนี้ก็ยังเข้าทำร้ายสังหารเชื้อพระวงศ์และครอบครัวของท้าวโอนีอัสจนสิ้นพระชนม์จนหมดสิ้น ซึ่งถือเป็นการลงโทษครั้งหนึ่งจากพระเทพีพระองค์นี้ ที่รุนแรงและโหดร้ายเป็นอย่างมาก
ไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะพระเทพีก็เคยลงโทษนางไม้ผู้น่าสงสารที่มีชื่อว่า “คัสลิสโต” เธอนั้นถูกเทพซีอุสจับไปปลุกปล้ำเป็นชายา และเนื่องจากเทพีอาร์เทมิสไม่สามารถว่ากล่าวอะไรต่อเทพซีอุสผู้เป็นบิดาได้ เทพีอาร์เทมิสจึงไปลงมือเอากับนางไม้คัสลิสโตผู้น่าสงสารนี้แทน เทพีอาร์เทมิสสาปให้นางไม้กลายร่างไปเป็นหมี เท่านั้นไม่พอ พระโอรสที่เกิดจากนางคัสลิสโตกับเทพซีอุส ซึ่งไม่ทราบว่าพระมารดาของตนกลายเป็นหมีไปแล้ว ก็ได้ทำการสังหารหมีตัวนั้นตายกับมือ แต่เมื่อมาทราบเอาภายหลังว่าหมีตัวนั้นคือแม่แท้ๆของตัวเองที่ถูกเทพีอาร์เทมิสสาปไป เขาก็รู้สึกสำนึกผิดเป็นอย่างมาก และตัดสินใจฆ่าตัวเองตายผู้เป็นมารดาไปเพื่อสำนึกในความผิด หลังจากที่เทพีอาร์เทมิสทราบว่าพระองค์เป็นคนผิดที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เทพีอาร์เทมิสจึงได้เนรมิตให้ทั้งสองแม่ลูกไปเกิดเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า ที่เรารู้จักกันดีว่า ดาวหมีเล็ก กับ ดาวหมีใหญ่
แม้ว่าเมื่อดูภายนอกแล้วเทพีอาร์เทมิสจะเป็นเทพีผู้แข็งแกร่ง เพราะพระองค์ชอบที่จะทำกิจกรรมเยี่ยงบุรุษ เช่น การล่าสัตว์ เป็นต้น ซึ่งคิดว่าพระองค์น่าจะเกิดมาจากอุดมคติแห่งสตรีในสมัยกรีกโบราณที่ต้องการจะให้สตรีสามารถทำการใดก็ได้เฉกเช่นดั่งบุรุษ เพราะเทพก็เปรียบเสมือนกระจกเงาที่บอกสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้นั่นเอง…
เครดิต https://www.tumnandd.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AA-artemis/
HOMEPAGE
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น